ด้วยวัยที่เพิ่มขึ้นบางครั้งอาจทำให้เริ่มหลงๆลืมๆไปบ้าง ปัญหานี้บรรเทาได้ด้วยเทคนิค 4ข้อ เกร็ดความรู้เรื่องสุขภาพนี้เพื่อสำหรับในวัยที่กำลังทำงานก็ดี ที่จะไม่ลืมส่งงาน ลืมนู่นลืมนี่ หรือจะเป็นวัยเรียนของน้องๆก็ได้นะคะ เวลาทำข้อสอบและต้องใช้ความจำซะส่วนใหญ่ นี่เป็นเกร็ดความรู้เรื่องสุขภาพในการช่วยจำ ที่ดิฉันอยากจะเอามานำเสนอให้ท่านผู้อ่านได้ลองนำเอาไปใช้ดูค่ะ เราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ ^^
วิธีแรกโฟกัสสายตา โดยวิธีการคือ ให้ฝึกนั่งจ้องวัตถุ หรือ เหตุการณ์ตรงหน้า จดจำรายละเอียดให้มากที่สุด นานประมาณ 3 นาที จากนั้น ละสายตา แล้ววาดสิ่งที่เห็นบนกระดาษ เมื่อเสร็จตรวจดูว่ามีสิ่งใดตกหล่นไปหรือไม่ ฝึกสม่ำเสมอจะช่วยพัฒนาความจำระยะสั้น บริหารสมอง และเสริมประสิทธิภาพความจำด้านสายตา เช่น เอาสิ่งของมาซัก10ชิ้น แล้วห่อผ้าไว้ แล้วเปิดออกมาซัก10 วินาที แล้วก้อพูดหรือเขียนออกมา เป็นการฝึกความจำได้อีกวิธีนึงเลยค่ะ
วิธีที่ 2 วิธีต่อมา รับประทานอาหารที่ช่วยในเรื่องความจำ แนะนำให้เป็นอาหารที่อุดมวิตามินซี, อี และเบต้าแคโรทีน โดยเฉพาะส้ม องุ่น เบอร์รี ผักสีเขียว ช่วยปกป้องเนื้อเยื่อสมองจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เซลล์สมองเสื่อม ทั้งนี้ ผลวิจัยในต่างประเทศพบว่า ผู้บริโภควิตามินซีสูง มีผลการทดสอบด้านสมาธิ ความจำ และการคำนวณดีที่สุดด้วยค่ะ
ตามด้วยวิธีที่ 3 การทำกิจกรรมที่ช่วยให้เรามีทักษะใหม่ๆอยู่เสมอ เช่นกิจกรรมที่ท้าทายความคิด เมื่ออายุเริ่มเข้าเลขสาม สมองจะเริ่มทำงานช้าลง ดังนั้น ควรหางานอดิเรกยามว่างที่สนุกสนานทำ เช่น เต้นแทงโก้ เรียนภาษาใหม่ ต่อจิ๊กซอว์ เกมส์ปริศนาอักษรไขว้ เล่นปิงปอง เป็นต้น ช่วยพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของสมอง และความจำได้ดี แต่อย่าพยายามไปหากิจกรรมอะไรที่ทำแล้วให้เครียดมากกว่านี้นะคะ เดี๋ยวมันจะไปกันใหญ่ค่ะ
วิธีสุดท้าย คือการนอนหลับพักผ่อนให้ เพียงพอ และกินอาหารให้ครย 5 หมู่ค่ะ เวลาในการนอนอย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง เซลล์ประสาทจะสื่อสารกันได้มากขึ้น ส่งผลต่อการเรียนรู้ และความจำ และทารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายและสมองนะคะ ขอบคุณค่ะ
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์